1. ด้านหลัง ต้อง เป็น ศีล
2. ทางซ้าย ต้องเป็นความรู้ในการเจริญ วิปัสสนา และ สาระรอบรู้ทั้งหลาย ทั้งดีและชั่ว
3. ทางขวา สัมมปธาน 4 หยุดอกุศล และไม่ให้เกิดอีก ทำให้กุศลเกิด ตั้งได้นาน
4. ด้านหน้า จิต (มีอารมณ์ ตลอดเวลา )
กำหนดรู้ (สติปัฐาน 4)
ควรละ (โลภะ 8) ทำสัมปธาน 4 นับเป็นขณะ ถ้าหยุดอกุศลได้ ภพชั่วก็ไม่ได้เกิด 1 ภพ
ทำให้แจ้ง (นิพาน) มัคค ผล
ควรเจริญ (มรรค 8)
1. อนุปุพิกถา5 ทาน ศีล สวรรค์ โทษของกาม การออกบวช
ศีล ต้องกำหนดได้ ว่า ล่วงเพราะเหตุ ใดได้บ้าง ถึง จะมนสิการ ได้ดี
>>ศีล<< (อ่านเพิ่มเติม)
.......................................................
2. กรรมฐาน หรือ วิปัสสนากรรมฐาน สติปัฎฐาน 4 ที่ตั้งการงานทางใจ
ดำรงในปัจจุบันขณะ อาศัย ปรมัตถ 4 รูป จิต เจตสิก
รูป หยาบสุด
จิต รับรู้อารมณ์
เจตสิก ประกอบตลอดเดวลา
ถึงจะแยกรูปและนาม เป็นเบื้องต้น นำไปสู่ ความจริงหน้ากลัว ของ ของสิ่งรูปจะสลายไปเพราะอุตุทั้ง 4 การเกิด กรรม สวรรค์ และ นรก ความหวาดหวัน ก็ย่อมปรากฎ ขึ้น ในตอนท้ายๆ
เมื่อเห็นเป็นภัย หาทางหนี แต่หนี ไม่พ้น ก็จำใจต้องยอมรับ
3. สัมมปธาน 4
การหยุด อกุศล ฝ่ายชั่ว ไม่ให้เกิดขึ้นในใจ สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วให้หมดไปโดยเร็ว
ทำการกุศลให้เกิด ขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นก็ทำให้ตั้งมั่นอยู่นานๆๆๆ
พูดง่าย แต่ทำยาก สิ่งเหล่านี้เกิดในใจ อาจจะเรียกว่า ควบคุมไม่ได้
-1 ต้องรู้ก่อนว่า สิ่งใดคือ ความคิดดี และ ความคิดชั่ว
- ฝายดีทำแล้วอิ่มเอิบใจ ไม่รู้สึกเสียใจในภายหลัง นำไปสู่สวรรค์
- ผ่ายชั่ว ทำแล้วนึกเสียใจในภายหลัง ลุ่มร้อน นำไปสู่ นรก อบายภูมิ
-2 ต้องมนสิการ จะทำกุศล จะ ละอกุศล ทั้งเกิดก็จะให้หมดไปโดยเลย และไม่ทำให้เกิดอีก
>> มนสิการเจตสิก<< ประกอบกับจิตทุกดวง เอาแล้วไง